เสด็จน้ำตกพรหมโลก จังหวัดนครศรีธรรมราช วันที่ 15 มีนาคม 2502

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 1

(13 -16 มีนาคม 2502)

ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์

เสด็จอำเภอทุ่งสง
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบมราชินีนาถ ได้แสด็จพระราชดำเนินมายังจังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งแรกเมื่อวันศุกร์ที่ 13 มีนาคม 2502 โดยทางรถยนต์พระที่นั่ง

เสด็จอำเภอเมือง
ขณะเสด็จถึงอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2502 มีราษฎรจำนวนมากพากันกรูเข้ามาเกาะรั้วจวนผู้ว่าราชการจังหวัดอันเป็นที่ประทับ และ ร้องถวายพระพร ทั้งสองพระองค์ได้ทรงโบกพระหัตถ์ต้อนรับอยู่บนระเบียงประทับแรม นับเป็นภาพอันตรึงตาตรึงใจราษฎรที่เฝ้ารอรับเสด็จยิ่งนัก วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2502 ได้เสด็จพระราชดำเนินไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ที่บริเวณวัดพระมหาธาตุ และเสด็จพระราชดำเนินไปยังศาลากลางจังหวัด และหอพระพุทธสิหิงค์ โดยเสด็จพระราชดำเนินประทับบนพลับพลาหน้าศาลากลางจังหวัด ในวันอาทิตย์ที่ 15 มีนาคม 2502 เสด็จดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังน้ำตกพรหมโลก จังหวัดนครศรีธรรมราช ระหว่างทางได้ทรงหยุดรถยนต์พระที่นั่งที่ซุ้มของชาวไทยมุสลิมที่ตลาดแขก คณะกรรมการชาวไทยมุสลิมได้ทูลเชิญเสด็จพระราชดำเนินลงเหยียบพื้นมัสยิดซอลาฮุดดินเพื่อเป็นสิริมงคล ทรงไต่ถามทุกข์สุขของชาวไทยมุสลิมที่เฝ้ารอรับเสด็จแล้วจึงเสด็จพระราชดำเนินต่อ ไปยังน้ำตกพรหมโลก ทรงพักผ่อนอิริยาบถ ทอดพระเนตรทิวทัศน์และแมกไม้ของน้ำตกพรหมโลก ก่อนเสด็จพระราชดำเนินกลับทรงจารึกพระปรมาภิไธย ย่อ ภปร. และ สก. ไว้บนหน้าผาของน้ำตกด้วย

เสด็จอำเภอร่อนพิบูลย์
วันจันทร์ที่ 16 มีนาคม 2502 เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งออกจากที่ประทับ ณ จวนผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เสด็จพระราชดำเนินถึงอำเภอร่อนพิบูลย์ ทรงเยี่ยมราษฎรอยู่บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอและหน้าโรงเรียนร่อนพิบูลย์ประมาณ ชั่วโมงเศษ



ทั้งสี่พระองค์ทรงฉลองพระองค์ด้วยชุดไทย เพื่อประกอบพิธีเวียนเทียนวันวิาขบูชา (วันที่ 26 พฤษภาคม 2507)

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 2

(26 พฤษภาคม 2507)

สืบพงศ์ ธรรมชาติ

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลมหาราชเสด็จพระราชดำเนินนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2507 เป็นการเสด็จโดยทางรถไฟเพื่อทรงยกช่อฟ้าที่อุโบสถวัดวังตะวันตก และเวียนเทียน เนื่องในวันวิสาขาบูชาที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในการเสด็จครั้งนั้น สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตน์ฯ และพระเจ้าลูกยาเธอเจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ตามเสด็จด้วย

เสด็จวัดวังตะวันตก
เมื่อถึงวัดวังตะวันตก ในเวลา 11.55 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จประทับ ณ พลับพลาในวัดวังตะวันตก ทรงยกช่อฟ้าอุโบสถใหม่ ส่วนโบสถ์เก่าเจ้าอาวาสได้รักษาไว้เพื่อซ่อมเป็นอนุสรณ์กตัญญูกตเวที

เสด็จวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
ครั้นเวลา 16.30 น. เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เพื่อประกอบพิธีเวียนเทียนเนื่องในวันวิสาขบูชา ทรงเวียนเทียนรอบกำแพงแก้ว พระวิหารหลวง ท่ามกลางพุทธศาสนิกชนชาวนครที่มาเฝ้ารอรับเสด็จและร่วมพิธีเวียนเทียนครั้งนั้นอย่างล้นหลาม

เสด็จบ้านศรีธรรมราช
หลังจากเสร็จพิธีเวียนเทียน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าอุบลรัตน์ราชกัญญาฯ และพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งเป็นการส่วนพระองค์ไปเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าที่สถานสงเคราะห์เด็กชาย “บ้านศรีธรรมราช”



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปฏิสันถารทักทายเด็กชายคู่แฝด (แต่งชุดทหาเรือ) ที่มารดา (นางอาภรณ์ พิเชียรโสภณ) พามาเฝ้าเสด็จที่อำเภอชะอวด เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2510 ส่วนข้าราชการที่ยืนอารักขาล้นเกล้าฯ(สวมแว่น) คือ พลเรือเอก ม.จ. กาฬวรรณดิศ ดิสกุล (สมุหราชองค์รักษ์) และพลโทชำนาญ มณีวัตร (รองสมุหราชองครักษ์) ซึ่งเป็นชาวนครโดยกำเนิด

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 3

(3 กุมภาพันธ์ 2510)

แอบ ชามทอง

เสด็จอำเภอทุ่งสง
สืบเนื่องจากอุทกภัยในจังหวัดภาคใต้ตอนกลาง โดยเฉพาะในจังหวัดนครศรีธรรมราชตอนล่าง และจังหวัดพัทลุง เมื่อเดือนธันวาคม 2509 ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ จึงเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรในอำเภอทุ่งสงและอำเภอชะอวด โดยรถไฟพระที่นั่งเมื่อวันศุกร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2510 เวลา 10.00 น. เมื่อรถไฟพระที่นั่งถึงสถานีชุมทางทุ่งสง กองเกียรติยศของทหารและตำรวจตั้งแถวรับเสด็จ ณ ชานชลาสถานีรถไฟพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถทรงรับการถวายการต้อนรับ ณ ที่นั่น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช (นายสันต์ เอกมหาชัย) ได้กราบบังคมทูลถวายรายงาน จากนั้นจึงเสด็จรถยนต์พระที่นั่งจากสถานีชุมทางทุ่งสงไปยังพลับพลาที่ประทับ ณ สนามหน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งสง ตลอดเส้นทางมีประชาชนตั้งแถวรับเสด็จและโบกธงชาติอย่างหนาแน่น

เสด็จอำเภอชะอวด
เมื่อเสด็จถึงสถานีรถไฟชะอวดในเวลา 14.05 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรจำนวนมากที่รอรับเสด็จอยู่ที่บริเวณสถานีรถไฟ จากนั้นสเด็จไปยังพลับพลาที่ประทับ หน้าที่ว่าการอำเภอชะอวด นายอำเภอชะอวด (นายอากร ทองธวัช) กราบบังคมทูลถวายรายงานความเสียหายของราษฎรอันเกิดจากอุทกภัยใหญ่ในปลายปี พ.ศ. 2509 ราษฎรจำนวนมากประสบปัญหาเรื่องการทำมาหากิน เนื่องจากชาวนาไม่สามารถเก็บข้าวได้ เพราะน้ำท่วมขังที่ข้าวกำลังสุกเป็นเวลาหลายวัน ส่วนชาวสวนยางพาราก็ประสบปัญหาเรื่องฝนตกมากไม่สามารถจะกรีดยางและนำน้ำยางพาราไปทำแผ่นเพื่อขายเลี้ยงครอบครัวได้ ครั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จอย่างเนืองแน่น หลังจากนั้นจึงมีรับสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช (นายสันต์ เอกมหาชัย) เร่งให้การช่วยเหลือ โดยประสานไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อจัดสรรงบประมาณมาช่วยเหลือ และ โปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ที่โดยเสด็จทำการตรวจรักษาและรับไว้พระราชานุเคราะห์หลายราย



ทรงกดปุ่มเปิดแพรคลุมป้ายค่าย "ศรีนครินทรา" อันเป็นที่ตั้งกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดน เขต 8 (กองกำกับตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 42 ปัจจุบัน) อำเภอทุ่งสง

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 4

(25 กันยายน 2515)

สายใจ ตระกูลสันติ

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 4 ตรงกับวันจันทร์ที่ 25 กันยายน 2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ โดยรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จโรงงานปูนซิเมนต์ไทย ทุ่งสง เวลา 15.00 น. เสด็จถึงสนามหน้าโรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง นายคล้าย จิตพิทักษ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายทหารและพลเรือนของจังหวัดเฝ้ารับเสด็จ

เสด็จค่าย ตชด. เขต8 (ทุ่งสง)
เวลา 15.50 น.พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากที่ประทับไปในพิธีเปิดค่ายศรีนครินทรา กองกำกับตำรวจตระเวนชายแดน เขต 8 (ตชด. ที่ 42 ปัจจุบัน) ตามทางหลวงหมายเลข 403 (ตรัง-ทุ่งสง)



ทรงน้อมพระวรกายและมีพระราชปฏิสันถารกับหญิงชราอายุ 97 ปี ที่มารับเสด็จเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2516 อันสะท้อนถึงความอ่อนโยน (มัททวะ) ซึ่งเป็นทศพิธราชธรรมข้อที่ 5 แห่งธรรมราชา

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 5

(29 เมษายน 2516)

สืบพงศ์ ธรรมชาติ

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งที่ 5 เป็นการเสด็จทั้งสี่พระองค์ คือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์

เสด็จสนามหน้าเมือง
เมื่อเสด็จถึงสนามหน้าเมือง พนักงานสำนักพระราชวังเชิญพุทธนวราชบพิตรขึ้นประดิษฐานที่พลับพลาพิธี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจุดธูปเทียนนมัสการบูชาพระรัตนตรัย แล้วประทับพระราชอาสน์ สมเด็จพระเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ทรงจุดธูปเทียน แล้วพระราชทานให้เจ้าหน้าที่แผนกศึกษาธิการจังหวัดนครศรีธรรมราชอัญเชิญไปถวายสักการะพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช พระราชาคณะประธานสงฆ์ถวายศีล



เสด็จเยี่ยมราษฎร ณ สนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2517 เวลา 13.15 น.

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 6

(26 - 29 สิงหาคม 2517)

พูลสุข พูลพิพัฒน์

เสด็จวัดพระมหาธาตุฯ
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2517 เวลา 09.55น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ จากบ้านพักรับรองโรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง เพื่อประกอบพิธียกช่อฟ้าพระวิหารหลวง และเททองหล่อพระพุทธสิหิงค์จำลอง ณ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร

เสด็จพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครฯ
วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2517 เวลา 10.55 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จถึงพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสความว่า “การตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติขึ้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นจังหวัดสำคัญอันเป็นศูนย์กลางความเจริญมาแล้วตั้งแต่โบราณสมัยนั้น เป็นการที่เหมาะสมแล้ว ชอบด้วยเหตุผลทุกด้าน ศิลปะโบราณวัตถุในเขตจังหวัดต่าง ๆ ที่นำมารวบรวมไว้แต่ละชิ้นมีความสำคัญและมีคุณค่ามาก เพราะเหตุที่เป็นวัตถุพยานที่จะใช้พิจารณาศึกษาเรื่องราวของอดีตไว้ได้ ไม่รู้จบ จึงเป็นกิจเบื้องต้นที่ทุกคนทุกฝ่าย โดยเฉพาะกรมศิลปากรจะต้องบำรุงรักษาไว้ให้มั่นคง จะปล่อยให้ทำลายสูญไปไม่ได้ เพราะไม่มีทางจะหาวัตถุชิ้นใหม่อันใดมาทดแทนกัน พร้อมกันนั้นก็จะต้องพยายามแนะนำชักจูงคนทั่วไปให้ทราบถึงกิจการ บริการ รวมทั้งประโยชน์ที่จะพึงได้รับจากพิพิธภัณฑสถานได้กว้างขวางแล้ว จึงจะนับว่าเกิดเป็นประโยชน์แก่การศึกษาค้นคว้าอย่างแท้จริงตามเจตนารมณ์”

เสด็จสนามกีฬาจังหวัด
การเสด็จพระราชดำเนินทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้ารับเสด็จอย่างคับคั่ง ครั้งนั้นได้มีราษฎรทูลเกล้าฯ ถวายดอกไม้และสิ่งของเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถได้มีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎรเหล่านั้นและทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้แพทย์ซึ่งโดยเสด็จพระราชดำเนินทำการักษาผู้เจ็บป่วย

เสด็จอำเภอทุ่งสง
อำเภอทุ่งสงเป็นอำเภอหนึ่งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินบ่อยครั้ง นอกเหนือจากการเสด็จครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2502 แล้ว ล้นเกล้าทั้งสองพระองค์ได้เสด็จอีกหลายครั้ง ดังเช่น
1. เสด็จน้ำตกโยง เมื่อวันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม 2517 เวลา 17.30 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ จากที่ประทับแรมโรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสงไปทอดพระเนตรวนอุทยานน้ำตกโยงตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง ในการนี้ได้ทรงเยี่ยมราษฎร ซึ่งเฝ้ารอรับเสด็จอยู่รายทางที่เสด็จพระราชดำเนิน ณ วัดไตรวิทยาราม บ้านไสใหญ่
2. เสด็จวิทยาลัยเกษตรกรรมนครศรีธรรมราช เมื่อเสด็จกลับจากน้ำตกโยง ได้ทรงเยี่ยมนักศึกษาวิทยาลัยเกษตรกรรมนครศรีธรรมราช ที่หอประชุมมหาวิทยาลัย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสกับนักศึกษาถึงหน้าที่ของนักศึกษาในอันที่แสวงความรู้จากคณาจารย์ เพื่อนำหลักวิชาต่าง ๆ ไปเผยแพร่แก่ปวงชนให้เป็นประโยชน์แก่สวนรวม
3. เสด็จค่ายศรีนครินทรา วันอังคารที่ 27 สิงหาคม 2517 เวลา 21.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์จากที่ประทับแรมโรงงานปูนซิเมนต์ ทุ่งสง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีรรมราชไปทอดพระเนตรการแสดงรอบกองไฟของลูกเสือชาวบ้าน ณ ค่ายศรีนครินทรา อำเภอทุ่งสง
4. เสด็จโรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม 2517 เวลา 10.10 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ได้มีพระราชปฏิสันถารกับนายบุญมา วงศ์สวรรค์ กรรมการผู้จัดการบริษัทซิเมนต์ไทย จำกัด และนายวิชิต นาคสวัสดิ์ ผู้อำนวยการโรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง ตลอดจนเจ้าหน้าที่บริษัทปูนซิเมนต์ไทยจำกัด



นายแทพย์จำลอง แจ่มไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช กราบบังคมทูล รายงาน

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 7

(17 สิงหาคม 2518)

ฉัตรชัย ศุกระกาญจน์

เสด็จกองร้อย ตชด. อำเภอฉวาง
วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม 2518 เวลา 10.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนราชสุดา จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ครั้นเสด็จถึงบริเวณที่ตั้งกองร้อยที่ 812 ตำรวจตระเวนชายแดน เขตบ้านไสหร้า ตำบลฉวาง อำเภอฉวาง ณ ที่นั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานกระแสพระราชดำรัสแสดงออกถึงความพอพระราชหฤทัยที่พลขับและพลยิงมีความเฉลียวฉลาดตัดสินใจได้เด็ดเดี่ยวในการเข้าประจำรถเมื่อกองร้อยถูกโจมตี จึงสามารถป้องกันชีวิตเพื่อนตำรวจไว้ได้หลายนาย

เสด็จวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำดอกไม้ธูปเทียนไปทรงสักการะพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งบรรจุไว้ในพระเจดีย์ แล้วเสด็จต่อไปยังโรงพยาบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

เสด็จโรงพยาบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช
เมื่อเสด็จถึงโรงพยาบาลจังหวัดนครศรีธรรมราช นายแพทย์จำลอง แจ่มไพบูลย์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกราบบังคมทูลถวายรายงาน จากนั้นได้มีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดร่วมชั่วโมงเศษกับตำรวจตระเวนชายแดนที่บาดเจ็บรวม 11 นาย และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเงินเพื่อเป็นกำลังใจก่อนเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมญาติและครอบครัวของตำรวจที่สูญเสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ราชการป้องกันกองร้อย



นางพิศวง รามณรงค์ ผู้แทนลูกเสือชาวบ้านอำเภอปากพนัง กราบบังคมทูลถวายรายงาน

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 8

(3 กันยายน 2518)

นิเวส วนคุณากร

เสด็จอำเภอปากพนัง
วันที่ 3 กันยายน 2518 เวลา 12.50 น. เสด็จโดยรถยนต์พระที่นั่งจากสนามบินกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธไปยังตัวอำเภอปากพนัง (ฝั่งตะวันตก) ถึง บริเวณหน้าวัดคงคาสวัสดิ์ ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับราษฎรที่รอรับเสด็จอย่างเนืองแน่น จากนั้นเสด็จลงแพขนานยนต์ซึ่งเทศบาลเมืองปากพนังจัดถวายเพื่อเสด็จข้ามแม่น้ำปากพนังไปฝั่งตะวันออกเมื่อเวลา 13.20 น. จากนั้นเสด็จถึงโรงเรียนปากพนังเมื่อเวลา 13.30 น. และเสด็จเข้าปะรำพิธี ณ ที่นั่นนายศุภโยค พานิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลถวายรายงานเกี่ยวกับทุกข์สุขของราษฎร อำเภอปากพนัง ในการเสด็จพระราชดำเนินอำเภอปากพนังเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2518 ชาวปากพนังยังรู้สึกปลาบปลื้มและยังจดจำภาพประวัติศาสตร์ ครั้งนั้นได้อย่างแจ่มชัด

เสด็จค่ายวชิราวุธ
เวลา 17.45 เสด็จถึงค่ายวชิราวุธ อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช ทรงวางพวงมาลา กราบถวายบังคมพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว แล้วจึงเสด็จเข้าสโมสรกองทัพภาคที่ 4 เพื่อเสวยพระกระยาหารกลางวัน

เสด็จกองบังคับการตำรวจภูธรเขต 8
ครั้นเวลา 18.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จไปเยี่ยมกองบังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ทรงฟังบรรยายสรุปภารกิจของตำรวจภูธรเขต 8 และกองการสื่อสาร กรมตำรวจ ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน แล้วเสด็จไปสมทบกับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ ณ สมามบินกองทัพภาคที่ 4 เพื่อประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จกลับเมื่อเวลา 20.30 น.



เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมครอบครัว ตชด. เขต 8 และเยี่ยมลูกเสือชาวบ้านที่ค่ายศรีนครินทรา ตำบลถ้ำใหญ่ อำเภอทุ่งสง

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 9

(11 กันยายน 2518)

ในช่วง พ.ศ. 2515 - 2521 เหตุกาณ์ก่อการร้ายในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะจังหวัดนครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานีรุนแรงขึ้น ทหาร อ.ส. ลูกเสือชาวบ้านและตำรวจตระเวนชายแดนปะทะกับผู้ก่อการร้ายอยู่เนืองๆ เป็นผลให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายไม่เว้นแต่ละวัน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงห่วงใยชีวิตของทหารตำรวจและพลเรือนเหล่านี้อย่างยิ่ง จึงมักจะเสด็จพระราชดำเนินไปเยี่ยมเยียนปลอบขวัญและเป็นกำลังใจอยู่มิได้ขาด ดังเช่นเมื่อครั้งวันที่ 11 กันยายน 2518 เวลา 10.20 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ไปประทับเครื่องบินพระที่นั่ง ซี-23 ออกจากสนามบินบ้านทอน อำเภอเมืองนราธิวาส จังหวัดนราธิวาส ไปยังสนามบินจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนเขต 8 อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้นเสด็จถึงสนามหน้าโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เมื่อเวลา 13.10 น.ทรงเยี่ยมลูกเสือชาวบ้านที่รายทางรับเสด็จฯ อยู่อย่างล้นหลาม ก่อนเสด็จเข้าตึกสงฆ์และตึกพิเศษ 4 เพื่อทรงเยี่ยมราษฎร ลูกเสือชาวบ้านวิทยากร และตำรวจตระเวนชายแดนที่บาดเจ็บจากการถูกลอบยิงโดยผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์บนเส้นทางถนนสุราษฎร์ธานี-อำเภอเคียนซา ขณะเดือนทางกลับหลังจากพิธีปิดการอบรมลูกเสือชาวบ้าน เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2518 ได้มีพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับผู้ป่วยเจ็บโดยมีนายแพทย์พนัส อุทโยภาส ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สุราษฎร์ธานี และนายอนันต์ สงวนนาม ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งกราบบังคับทูลรายงานเกี่ยวกับอาการและประวัติของผู้ป่วยเจ็บ ในการนี้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินช่วยเหลือแก่ผู้ป่วยเจ็บแก่ครอบครัวลูกเสือชาวบ้านที่เสียชิวิต พร้อมทั้งพระราชทานเครื่องปรับอากาศและเครื่องช่วยหายใจแก่โรงพยาบาล



เสด็จพระราชดำเนินสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2516 ทรงมีพระราชปฏิสันถารกับผู้แทนลูกเสือชาวบ้าน (นายวิรัช วรชาติ) ภายหลังพระราชทานธงประจำรุ่นแล้ว

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งที่ 10

(18 พฤษภาคม 2519)

สำนักราชเลขาธิการ

กิจการลูกเสือชาวบ้าน (ลส.ชบ.) ในจังหวัดนครศรีธรรมราชเติบโตและขยายตัวกว้างขวางในช่วง พ.ศ.2517 - 2520 การที่เติบโตเช่นนี้ได้นอกจากจะเป็นเพราะจิตสำนึกของประชาชน โดยเฉพาะชาวบ้านซึ่งมีความรักหวงแหนอธิปไตยและผืนแผ่นดินอันเป็นมาตุภูมิแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นหลักชัยสำคัญในการรวมพลังความสามัคคีในหมู่ชนแต่ละจังหวัด โดยทรงสละเวลาไปพระราชทานธงประจำรุ่นด้วยพระองค์เองดังเช่นในครั้งนี้ วันพุธที่ 18 พฤษภาคม 2519 เวลา 10.15 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นี่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ไปยังสนามบินบ้านทอน อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเสด็จไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช นายศุภโชค พานิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชได้กราบบังคมทูลถวายรายงานและเชิญเสด็จเข้าประทับ ณ พลับพลาพิธี จากนั้นได้พระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านจังหวัด นครศรีธรรมราช (ลส.ชบ.นศ.) รุ่นที่ 611/2 ถึง 611/31 แล้วพระราชทานพระบรมราโชวาทความว่า “การที่ลูกเสือชาวบ้านหลายรุ่นมาร่วมชุมนุมกันเช่นในวันนี้ นับเป็นโอกาสอันเป็นมงคล เพราะจะได้พบปะทำความรู้จักกันและเปลี่ยนความรู้ความคิดและความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ตลอดจนก่อให้เกิดความเข้าใจและความสามัคคีในหมู่คณะ อันเป็นการบรรลุจุดประสงค์ของกิจการลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งมุ่งที่จะทำให้สังคมมีความสงบสุขความเจริญก้าวหน้า และเป็นปึกแผ่น โดยทุกคนรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อยามมีความทุกข์ และรักษาผลแห่งความดีที่ได้สร้างมาแล้วให้คงอยู่ตลอดไป”



เสด็จพระราชดำเนินประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถวัดยางค้อม กิ่งอำเภอพิปูน (ชื่อขณะนั้น) เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2519 เวลา 10.25 น.

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งที่ 11

(20 กันยายน 2519)

สายใจ ตระกูลสันติ

เสด็จอำเภอพิปูน
วันจันทร์ที่ 20 กันยายน 2519 เวลา 10.25 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทั้งสองพระองค์ จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ไปประทับเครื่องบินพระที่นั่ง ครั้นเวลา 15.45 น. เสด็จไปถึงวัดยางค้อม กิ่งอำเภอพิปูน จังหวัดนครศรีธรรมราช ทรงจุดธูปเทียน สักการะรูปหล่อพระสมุห์จรในศาลาที่ประดิษฐาน ก่อนเสด็จเข้าพลับพลาพิธี ณ ที่นั่น นายศุภโยค พานิชวิทย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กราบบังคมทูล ถวายรายงานการสร้างอุโบสถ แล้วขอพระราชทานเชิญเสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถเมื่อเสร็จแล้วจึงเสด็จเข้าอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน ทรงถวายปัจจัยแก่เจ้าอาวาสสำหรับบำรุงบูรณะวัด และทรงถวายยาสำหรับพระภิกษุใช้ร่วมกับราษฎร จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพลับพลาพิธี เพื่อทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม และพระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินจำนวนดังกล่าวสำหรับบูรณะวัดยางค้อม

เสด็จวัดมะนาวหวาน
วันที่ 20 กันยายน 2519 เวลา 16.05 เสด็จพระราชดำเนินถึงวัดมะนาวหวาน ประทับที่พลับพลาพิธี นายชลิต พิมลศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้กราบบังคมทูลถวายรายงานการก่อสร้างอุโบสถ แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทรงประกอบพิธียกช่อฟ้าอุโบสถ ณ แทนที่ประดิษฐานช่อฟ้า จากนั้นได้เสด็จเข้าอุโบสถ ทรงนมัสการพระพุทธปฏิมาประธาน ทรงถวายยาเพื่อพระภิกษุใช้ร่วมกับราษฎร ทรงถวายปัจจัยแก่พระครูสถิตวิหารธรรมเจ้าอาวาสสำหรับบำรุงบูรณะวัดแล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังพลับพลาพิธีเพื่อทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรม และพระทานพระราชวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาททูลเกล้าฯ ถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัยและสมทบทุนมูลนิธีสายใจไทย ซึ่งได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงินที่โดยเสด็จพระกุศลดังกล่าวสำหรับการบำรุงบูรณะวัดมะนาวหวาน



ทรงมีพระราชปฎิสันถารกับผู้บังคับหน่วยรบเฉพาะกิจนาวิกโยธินที่ 201 (นาวาโทศุภนิตย์ จูฑะพุทธิ)

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 12

(7 กันยายน 2520)

สัมพันธ์ ทองสมัคร

เสด็จบ้านในถุ้ง
เมื่อเสด็จถึงสนามบินกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 10.35 น. ได้ประทับเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินไปยังหน่วยรบ ที่ 201 บ้านในถุ้ง ตำบลท่าศาลา อำเภอท่าศาลา เสด็จเข้าที่ทำการ นาวาโทศุภนิตย์ จุฑะพุทธิ ผู้บังคับหน่วยรบเฉพาะกิจได้กราบบังคมทูลบรรยายสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์ทั่วไป และผลการปฏิบัติงานในเขตพื้นที่รับผิดชอบ จบแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีกระแสพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหาร ฝ่ายปกครอง และฝ่ายชลประธานเกี่ยวกับการจัดการชลประทานในเขตพื้นที่อำเภอท่าศาลา โดยให้เริ่มพิจารณาวางโครงการสำรวจทำเลสำหรับสร้างอ่างเก็บน้ำและระบบส่งน้ำให้ลุ่มน้ำคลองกรุงชิงและคลองกลายเพื่อจัดหาน้ำให้แก่ที่นาและสวนผลไม้เป็นเนื้อที่ประมาณ 10,000 ไร่โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำนาในระยะที่ฝนทิ้งช่วง การปลูกพืชฤดูแล้ง รวมทั้งการทำนาครั้งที่สองตลอดจนการใช้อุปโภคบริโภคได้ตลอดปี

เสด็จบ้านปากลง
ที่บ้านปากลง ตำบลนบพิตำ ได้พระราชทานถุงของขวัญ ยารักษาโรค และเครื่องเล่นเทปวิทยุพร้อมเทปแก่ เรือเอกเบญจะ จันทรประชา ผู้บังคับกองร้อยและผู้แทนเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ในบริเวณนั้น ในการนี้ได้มีกระแสพระราชดำรัสกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายราษฎรที่ขาดแคลนที่ทำกิน จากนั้นพระราชทานสิ่งของแก่ครูโรงเรียนบ้านปากลง ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้คณะแพทย์ที่โดยเสด็จไปด้วย ทำการตรวจรักษาและแจกจ่ายยาแก่ราษฎรผู้เจ็บป่วย



เสด็จพระราชดำเินพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านอำเภอเมืองนครศรี เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2521 ที่สนามกีฬาจังหวัด

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 13

(11-12 กันยายน 2521)

บุญเสริม แก้วพรหม

เสด็จอำเภอทุ่งใหญ่
ช่วงที่เสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เมื่อ พ.ศ.2521 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมักจะเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมเยือนพสกนิกรในจังหวัดภาคใต้ รวมทั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช วันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2521 เวลา 13.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าจุฬาวลัยลัษณ์ จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ไปยังสนามบินบ้านทอน โดยเสด็จไปยังโรงเรียนทุ่งใหญ่วิทยาคม ตำบลท่ายาง อภเภอทุ่งใหญ่ จากนั้นเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังหน้าที่ว่าการอำเภอทุ่งใหญ่ เพื่อทรงเยี่ยมราษฎรที่เฝ้าทูลลุอองธุลีพระบาทอยู่เป็นจำนวนมากในบริเวณนั้น ทรงพระราชปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎรเหล่านั้น

เสด็จอำเภอเมือง
วันอังคารที่ 12 กันยายน 2521 เวลา 14.05 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ ไปพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านอำเภอเมืองนครศรีธรรมราช และทรงเยี่ยมราษฎร ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงสนามบินค่ายวชิราวุธ ทรงเยี่ยมราษฎรและข้าราชการที่เฝ้าทูลลุอองธุลีพระบาท รับเสด็จพระราชดำเนินอยู่ในบริเวณสนามบิน แล้วเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งต่อไปยังสนามกีฬาจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อพระราชทานธงประจำรุ่นลูกเสือชาวบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช จำนวน 156 รุ่น ในการนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระบรมราโชวาทความว่า “การที่ลูกเสือชาวบ้านหลาย ๆ รุ่น มาร่วมชุมนุมกันเช่นในวันนี้ นับเป็นโอกาสอันเป็นมงคล เพราะจะได้พบปะทำความรู้จักกัน และเปลี่ยนความรู้ความคิดและความปรารถนาดีซึ่งกันและกัน ตลอดจนก่อให้เกิดความเข้าใจและสามัคคีกันในหมู่คณะ อันเป็นการบรรลุจุดประสงค์ของกิจการลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งมุ่งที่จะทำให้สังคมมีความสงบสุขความเจริญก้าวหน้าและเป็นปึกแผ่น โดยทุกคนรู้จักช่วยเหลือซึ่งกันและกันเมื่อยามมีความทุกข์”



ทรงจุดไฟชนวนพระราชทานเพลิงศพพระรัตนธัชุมนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 14

(14 กันยายน 2523)

สุธาทิพย์ แสนเดช

เสด็จวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร
วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน 2523 เวลา 13.50 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง พร้อมด้วยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูก เจ้าฟ้าจุฬาวลัยลักษณ์ จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เสด็จพระราชดำเนินไปพระราชทานเพลิงศพพระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) ณ เมรุวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช เวลา 15.30 น. เสด็จพระราชดำเนินถึงสนามบินกองทัพภาคที่ 4 แล้วจึงประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงวิหารธรรมศาลา วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทรงจุดธูปเทียน เครื่องนมัสการสักการะพระบรมสารีริกธาตุ แล้วเสด็จขึ้นประทับ ณ มุขพลับพลาพิธี จากนั้นเสด็จขึ้นเมรุ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงทอดผ้าไตร รวม 10 ไตร พระสงฆ์ขึ้นบังสุกุลเสร็จแล้ว ทรงวางกระทงข้าวตอกดอกไม้ที่จิตกาธานข้างโกศต่อจากนั้นทรงหยิบธูปเทียนดอกไม้จันทร์ จากเจ้าพนักงานพระราชพิธี ทรงจุดไฟชนวนพระราชทานเพลิงเสร็จแล้ว เสด็จพระราชทานดำเนินจากเมรุกลับไปประทับ ณ มุขพลับพลาพิธี พระรัตนธัชมุนี (แบน คณฺฐาภรโณ) เจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช ได้ประกอบเกียรติคุณเป็นประโยชน์อย่างมากทั้งทางด้านการศาสนาและสาธารณประโยชน์ นับตั้งแต่ท่านได้อุปสมบทเมื่อ พ.ศ.2447 ด้วยความสามารถและความวิริยะอุตสาหะ สอบได้นักธรรมตรี เปรียญธรรม 4 ประโบค และได้เลื่อนตำแหน่งต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฏ์ จนได้เป็นพระคณาจารย์โทฝ่ายธรรมกถึก เคยศึกษาและอยู่ที่วัดบวรนิเวศวิหาร วัดราชาธิวาส วัดพิชัยญาติการาม ในที่สุด พ.ศ.2463 ก้อย้ายกลับมาจังหวัดนครศรีธรรมราช ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดมเหยงคณ์ 7 ปี พ.ศ.2470 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุฯ เป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช พระคณาจารย์โท ฝ่ายธรรมกถึกและเป็นเจ้าคณะจังหวัดนครศรีธรรมราช ภูเก็ต พังงา และรองเจ้าคณะภาค 16-17-18 (ธรรมยุต)



คณะบุคคลที่เฝ้ารับเสด็จ ณ ที่ประทับแรม โรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง เมื่อวันที่ 18-19 กันยายน 2523

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศีธรรมราช ครั้งที่ 15

(18 กันยายน 2523)

วิมล ดำศรี

เสด็จอำเภอทุ่งใหญ่
เมื่อวันพฤหัสบดี ที่ 18 กันยายน 2523 เวลา 10.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินจากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ เสด็จประทับเครื่องบินพระที่นั่ง ไปยังสนามบินกองทัพภาคที่ 4 ค่ายวชิราวุธ เพื่อเสด็จเยี่ยมราษฎรอำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึงบ้านสระบัว อำเภอทุ่งใหญ่ จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อเวลาประมาณ 13.50 น. นายธานี โรจนาลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลรายงายและกราบบังคมทูลเบิกข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายจังหวัดนครศรีธรรมราชเข้าเฝ้า แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็พระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงสักการะพระพุทธรูปแล้วมีพระราชดำรัสกับพระสงฆ์ ต่อจากนั้นเสด็จไปยังพลับพลาพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชกราบบังคมทูลถวายรายงานกิจการลูกเสือชาวบ้าน ซึ่งก่อให้เกิดความสามัคคีร่วมมือร่วมใจในระหว่างประชาชนและข้าราชการ นับเป็นประโยชน์ในการปกครองและการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญยิ่งขึ้น เสร็จแล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระราชทานธงชาติและพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงฉลองพระองค์ชุดลูกเสือแก่ผู้แทนลูกเสือชาวบ้าน รวม 5 รุ่น ต่อจากนั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องแบบนักเรียนให้ผู้แทนนักเรียน พระราชทานเวชภัณฑ์ให้ผู้แทนครู ผู้แทนสถานีอนามัยเวียงสระ เสร็จแลัว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินพร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงเยี่ยมราษฎรที่มาเฝ้าฯ อยู่ในบริเวณบ้านสระบัว ได้มีพระราชปฏิสันถารและพระปฏิสันถารอย่างใกล้ชิดกับราษฎรเหล่านั้น และได้ทอดพระเนตรหน่วยแพทย์พระราชทานซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จเพื่อทำการตรวจรักษาผู้ป่วยเจ็บ แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับ เมื่อเวลา 16.25 น. โดยเฮลิคอปเตอร์พระที่นั่ง เพื่อกลับที่ประทับแรม ณ โรงงานปูนซิเมนต์ทุ่งสง



โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 ตั้งอยู่ในตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช

การเสด็จพระราชดำเนินจังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้งที่ 16 (30 กันยายน 2533)

มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ซึ่งมีกำเนิดจากทุนทรัพย์และเงิน “ร่วมทำบุญกับในหลวง” เมื่อเดือนตุลาคม 2505 นอกจากจะนำดอกผลมาจัดสร้าง “โรงเรียนราชประชานุเคราะห์” ในจังหวัดนครศรีธรรมราชถึง 5 โรงแล้ว มูลนิธิยังจัดสร้างโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ขึ้นอีกหนึ่งโรง ชื่อ “โรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน 2533 เวลา 13.45 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถเสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ ประทับเครื่องบินพระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปยังสนามบินกองบิน 71 จังหวัดสุราษฎ์ธานี และประทับรถยนต์พระที่นั่งเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเรียนโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ครั้นเสด็จพระราชดำเนินถึง พลเอก เทียนชัย สิริสัมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรงศึกษาธิการ และคณะกรรมการมูลนิธีราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ เสด็จเข้าพลับพลาพิธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการกราบบังคมทูลรายงานความว่า จากการที่ได้เกิดอุทกภัยในจังหวัดภาคใต้เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2531 ทำให้ประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวได้รับภัยพิบัติจากอุทกภัยครั้งนี้เป็นจำนวนมาก บุตรหลานของประชาชนที่ได้ประสบภัยจากอุทกภัยส่วนหนึ่งต้องกลายเป็นเด็กกำพร้าขาดผู้อุปการะหรือผู้ปกครองสิ้นเนื้อประดาตัว ไม่โอกาสศึกษาเล่าเรียนต่อไปได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ฯ ร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการจัดสร้างโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ของกระทรงศึกษาธิการขึ้นที่ตำบลหนองหงส์ อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ในพื้นที่ป่าเสื่อมสภาพซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้ใช้ประโยชน์ประมาณ 200 ไร่ เพื่อรับนักเรียนช่วยตนเองด้วย หลังจากนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดอาคารเรียนราชประชานุเคราะห์ 17 จากนั้นจึงพระราชทานพระราชวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาที่ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล สมทบทุนสร้างโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 19 เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท รับพระราชทานของที่ระลึก แล้วเสด็จพระราชดำเนินไปทอดพระเนตรหอพัก ส.ว. อาคารเรียน ภปร. สมควรแก่เวลา จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์