๘๙ ปีของพ่อ

พ.ศ. ๒๔๗๐

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชโอรสใน สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนี ทรงเสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันจันทร์ที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๗๐ ณ โรงพบาบาลเมาท์ออร์เบิร์น เมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ทรงเป็นพระอนุชาองค์สุดท้องของพระบรมเชษฐา และ พระเชษฐภคินี ๒ พระองค์

พ.ศ. ๒๔๗๒

๒ ปีต่อมา พระบรมราชชนกเสด็จวรรคต พระบรมราชชนนี หรือที่ประชาชนรู้จักท่านในนาม “สมเด็จย่า”จึงทรงเลี้ยงดูให้การศึกษาอบรมพระโอรสและพระธิดาทั้ง ๓ พระองค์เป็นอย่างดี ณ พระตำหนักวิลล่าวัฒนาประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พ.ศ. ๒๔๘๒

พ.ศ. ๒๔๗๗ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๗)ทรงสละราชสมบัติ พระเชษฐาของพระองค์จึงได้รับสถาปนาขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ ๘ แห่งราชวงค์จักรี แต่ชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมีของในหลวงรัชกาลที่ ๘ เพียง ๑๒ ปีเท่านั้นเนื่องจากทรงเสด็จสวรรคตอย่างกะทันหัน เมื่อวันที่ ๙ มิถุนายนพ.ศ. ๒๔๘๒ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลดอุลยเดช จึงสืบราชสมบัติขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์ที่ ๙ แห่งราชวงศ์จักรี

พ.ศ. ๒๔๘๙

“ในหลวง อย่าทิ้งประชาชน” ราษฎรคนหนึ่งตะโกนออกมาในขณะที่รถยนต์พระที่นั่งเคลื่อนผ่าน วันที่ ๑๙ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๘๙ เมื่อพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จไปศึกษาต่อ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ในขณะนั้นพระองค์นึกตอบในพระทัยว่า “ถ้าประชาชนไม่ทิ้งข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะทิ้งประชาชนได้อย่างไร”

พ.ศ. ๒๔๘๙

"ครั้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2489 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ทรงเสด็จสวรรคตด้วยพระแสงปืน คณะรัฐมนตรีได้มีมติให้กราบบังคมทูลอัญเชิญ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เสด็จขึ้นครองราชสมบัติขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ทรงมีพระนามว่า “ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรามาธิบดีจักรีนฤบดินทรสยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ซึ่งในขณะนั้นมีพระชนมาพุเพียง 19 พรรษา เท่านั้น ยังไม่บรรลุนิติภาวะ

พ.ศ. ๒๔๙๒

"เห็นแล้วน่ารักมาก" ขณะที่ทรงศึกษาอยู่ต่างประเทศ ทรงพบกับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ทรงตรัสชื่นชมความน่ารักของหม่อมราชวงศ์ราชวงศ์สิริกิติ์กับพระบรมราชินี หลังจากนั้นทรงหมั้นเมื่อ วันที่ ๑๙ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซาน ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

พ.ศ. ๒๔๙๓

เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๔๙๓ พระองค์เสด็จนิวัติพระนคร ก่อนที่พระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ถูกจัดขึ้น ณ วังสระปทุม เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน หลังจากนั้นทรงประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๓ และมีพระปฐมบรมราชโองการตอนหนึ่งว่า "เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม" ซึ่งยังคงตราตรึงในความทรงจำของชาวไทยมาถึงทุกวันนนี้"

"โคงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา"

หลังเสด็จนิวัติพระนคร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเลือกประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต หากแต่ไม่ได้เป็นเพียงที่ประทับเท่านั้น ทรงโปรดให้มีการทดลองเพื่อหาวิธีแก้ไขเกี่ยวกับงานทางด้านการเกษตรภายในพื้นที่พระตำหนักจนเกิดเป็น "โคงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา" ในเวลาต่อมา

พ.ศ. ๒๕๐๐

ใน พ.ศ. ๒๕๐๐ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี พระธิดาองค์สุดท้องทรงเสด็จพระราชสมภพ นับเป็นช่วงเวลาที่ชาวไทยได้ชื่นชมพระบารมีของพระโอรส และ พระธิดาทั้ง ๔ พระองค์

พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๐

ทศวรรษที่ ๔ ในพระชนม์ชีพของพระองค์ (พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๐) เป็นทศวรรษแห่งการเจริญสัมพันธไมตรีกับนานาประเทศ ในทวีปเอเชีย ยุโรป และอเมริกา รวมทั้งสิ้นกว่า ๑๐ ประเทศ นับเป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทย

พ.ศ. ๒๕๐๑ - ๒๕๑๐

พระราชภารกิจที่สำคัญประการหนึ่ง คือ การเสด็จเยี่ยมพสกนิกรของพระองค์ในทุกภูมิภาค ซึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของโครงการในพระราชดำริ กว่า ๔,๐๐๐ โครงการในเวลาต่อมา

พ.ศ. ๒๕๑๒

พ.ศ. ๒๕๑๒ ทรงริเริ่มโครงการหลวงส่วนพระองค์ด้านการวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้เมืองหนาวเพื่อแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ดอยปุย แทนการปลูกฝิ่น ถือเป็นหนึ่งในปฐมบทของโครงการหลวงส่วนพระองค์ที่พลิกชีวิตของพสกนิกร

พ.ศ. ๒๕๑๖

เกิดเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองเมื่อวันที่ ๑๔ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๑๖ มีเหตุการณ์ความรุนแรงที่ถนนหน้าพระราชวังสวนจิตรลดา พระองค์โปรดให้เปิดประตูพระราชวังเพื่อให้กลุ่มชุมชนเข้าไปหลบภัย และทรงมีพระราชดำรัสผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย จากนั้นเหตุการณ์คึวามรุนแรงเริ่มสงบลงตามลำดับ

โครงการฝนหลวง

หลังจากที่พระองค์พัฒนาโครงการฝนหลวงมากกว่า ๑๔ ปี ในที่สุดด้วยความมุ่งมั่นของพระองค์ท่านที่ต้องการเอาชนะความแห้งแล้ง การทดลองจึงประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกเหนือพื้นที่วนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๓๐

ทรศวรรษต่อมา (พ.ศ. ๒๕๒๑ - ๒๕๓๐) เป็นช่วงเวลา แห่งการถือกำเนิดและเติบโตของโครงการในพระราชดำริ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นอ่างเก็บน้ำห้วยทราย โครงการศูนย์บริการและพัฒนาที่สูงปางตอง โครงการทั้งหมดนี้เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพสกนิกรในแต่ละพื้นที่ให้ดีขึ้น

พ.ศ. ๒๕๔๐

แม้ในยามที่ประเทศไทยเผชิญกับวิกฤติเศรษฐกิจในปี พ.ศ. ๒๕๔๐ พระราชดำริว่าด้วยแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงได้กลายเป็นไฟส่องทาง มอบแนวปฏิบัติเพื่อเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยแก้ไขปัญหาและนำพาประชาชนออกจากวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ไปได้

พ.ศ. ๒๕๔๙

พ.ศ. ๒๕๔๙ เนื่องในวโรกาสทรงครอบราชสมบัติครบ ๖๐ ปี เมื่อพระองค์ท่านเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต พสกนิกรที่เดินทางจากทั่วทุกสารทิศเพื่อชื่นชมพระบารมีต่างเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" อย่างกึกก้อง

เวลาผ่านไป ๗๐ ปี

แม้เวลาผ่านไป ๗๐ ปี พระองค์ท่านยังคงทำหน้าที่กษัตริย์นักพัฒนา และทรงงานอยู่เสมอ แม้ห้องทรงงานของพระองค์ จะเปลี่ยนไปเป็นที่โรงพยาบาลศิริราชและกลายเป็นที่ประทับแห่งสุดท้ายของพระองค์ก็ตาม


ข้อมูลจาก เว็บไซต์พิพิธภัณฑ์ออนไลน์เฉลิมพระเกียรติเพื่อพ่อ แหล่งรวมความทรงจำของชาวไทย
จัดทำโดย มหาวิทยาลัยราชภัฏนครศรีธรรมราช